50 Is Not the New 40: ฟังเสียงจักจั่นร้องในโตเกียว

[พฤศจิกายน ๒๕๖๖] กลับไปเยือนโตเกียวครั้งนี้ (3-4 สิงหาคม 2566) ไม่เหมือนทุกครั้ง นอกจากครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราจะท่องเที่ยวโดยไม่มีไกด์นำแล้ว ครั้งนี้เราจะอยู่ในโตเกียวแค่ 24 ชั่วโมง ฉันดูจะตื่นเต้นกับทริปนี้มากกว่าพี่เอ็นโซ ผู้ซึ่งไม่เคยมาญี่ปุ่นมาก่อนเสียอีก

เราตั้งใจว่าลงจะเครื่องตอนเช้ามืดแล้ว เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรม จากนั้นจะนั่งรถไฟไปกินปลาดิบที่ตลาดปลา Tsukiji และกลับมาเข้าเรียนรู้ พิธีชงชาแถว Asakusa ที่จองไว้ตอนเที่ยง ช่วงบ่ายเดินเล่นแถว Asakusa ตกเย็นกลับมาเช็คอินที่โรงแรม และออกไปชื่นชมบรรยากาศของ Shibuya Crossing เสร็จแล้วหาข้าววีแกนกินเป็นอาหารเย็น และกลับไปนอน เท่านั้นเอง

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ตั้งใจไว้ มีอุปสรรคขลุกขลักเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เสียเวลาที่ฮาเนดะ เพื่อติดต่อเคาน์เตอร์เจแปนแอร์ไลน์ขออาหารมังสวิรัติสำหรับไฟล์ทขาออกจากโตเกียว (หลังจากที่พบว่าอเมริกันแอร์ไลน์ไม่สามารถจองอาหารให้เราได้) รวมถึงเรื่องที่เรานึกว่าจะมีรถชัทเทิลจากโรงแรมมารับที่สนามบินฮาเนดะ สรุปว่าไม่มี ต้องนั่งรถไฟไปโรงแรมเอง ซึ่งก็ไม่ลำบาก (มากเท่าไหร่) อากาศร้อนอบอ้าวมากถึงมากที่สุด ถ้าไม่ได้ร่มที่ยืมแม่ไป ก็คงเดินไม่ได้มากอย่างที่ตั้งใจไว้ เดินไปเดินมา พบว่ามือถือแบตหมด ขาดแผนที่ ต้องเดินเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ๆ จากอาซากุสะจนถึงสวนสาธารณะ Ueno

อย่างไรก็ดี อุปสรรคเรื่องใหญ่ที่สุด น่าจะเป็นเรื่องที่เราหลงทางและสับสนกับระบบรถไฟในโตเกียวที่บริหารโดยหลายบริษัทต่างกัน รวมถึงการฟังประกาศในรถไฟไม่ออก ต้องนั่งกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ กว่าจะชำนาญก็จบวันจบทริปพอดี อย่างไรก็ดี คราวนี้ต้องขอชมเชยพนักงานรถไฟของญี่ปุ่นที่ช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี หลายปีก่อนโน้น เคยมีปัญหาคล้าย ๆ กัน ไปถามพนักงานรถไฟ ไม่มีใครยอมพูดภาษาอังกฤษด้วยเลย ได้ยินมาว่าการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาเรื่องการสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ดีขึ้นอย่างยอดเยี่ยม

เรากลับมาจากโตเกียวหลายเดือนมาแล้ว แต่ฉันกับพี่เอ็นโซก็ยังระลึกถึงความหลังครั้งนั้นอยู่เนือง ๆ เราอยู่ในเมืองไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่รู้สึกราวกับว่าไปเที่ยวมาเป็นอาทิตย์ เสียงจักจั่นร้องระงมที่เราได้ยินระหว่างทางไปอูเอโนะยังดังก้องอยู่ในหัวใจเสมอ นึกถึงความยากลำบากในการหาร้านอาหารวีแกน เพียงเพราะว่าป้ายชื่อร้านถูกแอบซ่อนไว้ราวกับเหนียมอายชาวโลก ประทับใจกับความอลังการและความเอาใจใส่ของคุณครูที่สอนให้เราเข้าใจวัฒนธรรมและความเป็นมาของพิธีชงชา และแน่นอน…. อาหารเช้าอันอุดมสมบูรณ์ของโรงแรม ขนาดที่ว่าถ้าเราไม่ต้องรีบไปขึ้นเครื่องกลับบ้าน ก็คงนั่งกินต่อเป็นชั่วโมงจนห้องอาหารปิด

เวลาจะผ่านไปนานเท่าไร แต่มนต์สเน่ห์ของญี่ปุ่นก็ไม่เสื่อมคลายไปแม้แต่น้อย ไม่แปลกใจที่พี่แป้นชอบประเทศนี้มากเป็นพิเศษ


***โรงแรมที่พัก
Hotel JAL City Haneda Tokyo
Ota City
+81 3-5735-2525

***พิธีชงชา (หายากหน่อย เพราะอยู่ในซอยเล็ก ๆ กว่าเราจะเดินไปถึงก็สายไปกว่าครึ่งชั่วโมง)
茶道具・かきぬま Tea ceremony Kakinuma
担当:柿沼みちる(Michiru Kakinuma)
111-0032
東京都台東区浅草3-21-9
(3-21-9 Asakusa, Taito-ku, Tokyo 111-0032)
E-mail:kakinuma.tokyo@gmail.com
TEL:03-3876-3903(+81-3-3876-3903) / 090-4741-4734(+81-90-4741-4734)
URL:http://kakinuma.tokyo

***ร้านอาหารมังสวิรัติ (Vegan)
* Vegan Bistro Jangara, Shibuya (Japan, 〒150-0001 Tokyo, Shibuya City, Jingumae, 1 Chome−13−21 シャンゼール原宿1号館 2号館 2F, Phone: +81 3-3404-5572) ***ร้านนี้คือร้านที่ได้ไปกิน

ส่วนร้านอื่นที่ค้นไว้แต่ไม่ได้ไปลอง มีดังต่อไปนี้
* Jikasei Mensho, Shibuya Parco
* 2 Foods, Shibuya Loft
* Izakaya Masaka, Shibuya Parco
* Ko-So Cafe, Ebisu
* Weller, Ebisu
* Taiyaki Hiiragi, Ebisu
* Parmache Gelateria, Nakameguro
* Healthy Tokyo, Daikanyama
* The Matcha Tokyo, Omotesando
* Mos Burger, Ebisu East
* Plant Based Tokyo Food Hall Blast (1st Floor)

Leave a comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.